สถิติของเครือข่ายสังคมออนไลน์ แนวโน้มของการใช้ SOCIAL NETWORK ในปี 2012 ● โซ เชียลเน็ตเวิร์คกลายเป็นกิจกรรมที่ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตให้เวลามากที่สุด คิดเป็น 19% หรือประมาณ 1 ใน 5 ของเวลาที่ผู้ใช้เน็ตล็อกอินเข้าสู่โลกออนไลน์
● FACEBOOK เป็นผู้นำสำคัญในทุกๆ เรื่องของโซเชียลเน็ตเวิร์ค ในปี 2012 FACEBOOK มีผู้ใช้เกินครึ่งของประชากรอินเทอร์เน็ตโลก โดยเฉลี่ยแล้วผู้ใช้อินเทอร์เน็ตใช้งาน FACEBOOK คิดเป็นเวลา 3/4 ของเวลาที่ใช้กับโซเชียลเน็ตเวิร์คทุกชนิด
● โซ เชียลเน็ตเวิร์ค ไม่ใช่เป็นแค่โลกของคนรุ่นใหม่เท่านั้น ในรอบปีหลัง เราจะเห็นคนวัยทำงานเริ่มเข้ามาและยังมีกลุ่มผู้สูงอายุที่เข้ามาใช้ งานอย่างมีนัยยะสำคัญ สถิติที่น่าสนใจ คือ ประชากรผู้ใช้เน็ตกลุ่มที่มีอายุมากกว่า 55 ปีขึ้นไป ในหลายๆ ประเทศมีสัดส่วนการใช้โซเชียลเน็ตเวิร์คที่สูงมาก เช่น ในสหรัฐฯ ประชากรผู้ใช้เน็ตที่อายุเกิน 55 ปี จำนวนถึง 94.7%
● ตอน นี้ชัดเจนแล้วว่า FACEBOOK เป็นราชาแห่งโลกโซเชียลเน็ตเวิร์คเต็มตัว สามารถเอาชนะคู่แข่งอื่นๆ และผงาดขึ้นมาเป็นแชมป์แบบทิ้งห่าง แต่ตอนนี้ยังไม่ชัดเจนว่าจะมีเว็บไซต์หรือโซเชียลเน็ตเวิร์ครายไหนเจริญรอย ตาม FACEBOOK ได้แบบเดียวกันบ้าง ปี 2011 ยังเป็นปีที่เราได้เห็นการเปิดตัว GOOGLE+ ของกูเกิล ซึ่งมาแรงในช่วงแรก และมียอดสมาชิกแตะ 25 ล้านรายเร็วกว่าใคร (เร็วกว่า FACEBOOK/TWITTER ในอดีตมาก) อย่างไรก็ตาม เส้นทางของ GOOGLE+ ยังต้องสู้อีกยาวไกล กว่าจะขึ้นไปทาบรัศมี FACEBOOK ในปัจจุบันได้
● กลุ่ม บริการโซเชียลเน็ตเวิร์คอื่นๆ มี TWITTER กับ LINKEDIN ที่มีฐานผู้ใช้เยอะที่สุด (แต่ยังห่างกับ FACEBOOK มาก) ส่วนเว็บที่เติบโตเร็วก็อย่างเช่น TUMBLR และ WEIBO ที่มีอัตราการเติบโตเกิน 100% ต่อปี
● เทคโนโลยี มือถือจะเป็นปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนโซเชียลเน็ตเวิร์ค เทคโนโลยีมือถือ สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต กำลังเป็นปัจจัยสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ รูปแบบการใช้งาน SOCIAL NETWORK บนมือถือยังเน้นไปที่การอ่าน-อัพเดตสถานะในหมู่เพื่อนๆ และติดตามข่าวสารอื่นๆ ส่วนการเช็คอินข้อมูลสถานที่ยังมีผู้ใช้ไม่เยอะมากนัก รวมไปถึงการหาส่วนลดของบริการร้านค้าต่างๆ
SOCIAL NETWORK มีทั้งข้อดี และข้อเสีย ผู้ใช้งานจึงต้องคำนึงถึงสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ เพื่อไม่ให้ SOCIAL NETWORK กลายเป็นภัยของสังคม ซึ่งโดยส่วนตัวแล้ว เป็นคนชอบเล่น FACEBOOK และ TWITTER จึงพบเห็นได้ว่ามีบุคคลอื่นซึ่งเราไม่รู้จักเข้ามาดูเป็นจำนวนมาก จึงต้องดูให้ดีก่อนว่า บุคคลนั้นน่าจะคุยด้วยหรือไม่ เพราะเคยเห็นข่าวตามหน้าหนังสือพิมพ์ว่ามีการหลอกขายบริการทางเพศผ่านทาง HI5 ซึ่งเป็นการใช้ SOCIAL NETWORK ที่ผิดวิธี เพราะฉะนั้นในการใช้งานแต่ละครั้งควรที่จะพิจารณาให้ดีก่อน จะได้ไม่โดนลูกหลงของภัยสังคม ที่น่ากลัวขึ้นทุกวัน
ข้อดีของ SOCIAL NETWORK
● สร้าง ความสัมพันธ์ที่ดีจากเพื่อนสู่เพื่อน มีโอกาสได้พบเพื่อนเก่า หรือเพื่อนใหม่ที่มีความสนใจในสิ่งที่คล้ายกัน แลกเปลี่ยนข้อมูลความรู้ในสิ่งที่สนใจร่วมกันได้
● เป็น ตัวกลางในการเสนอและแสดงความคิดเห็น แลกเปลี่ยนความรู้ หรือตั้งคำถามในเรื่องต่างๆ เพื่อให้บุคคลอื่นที่สนใจหรือมีคำตอบได้ช่วยกันตอบ กลายเป็นคลังข้อมูลความรู้ขนาดย่อมได้เลยทีเดียว
● ประหยัดค่าใช้จ่ายในการติดต่อกับคนอื่น สะดวกและรวดเร็วไม่ว่าผู้ใช้งานจะอยู่ที่ใดบนโลกนี้
● เป็นสื่อในการนำเสนอผลงานของตัวเอง เช่น งานเขียน รูปภาพ วีดิโอต่างๆ เพื่อให้ผู้อื่นได้เข้ามารับชมและแสดงความคิดเห็น
● ใช้เป็นสื่อในการโฆษณา ประชาสัมพันธ์ หรือบริการลูกค้าสำหรับบริษัทและองค์กรต่างๆ ช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้ลูกค้า
● คลายเคลียดได้สำหรับผู้ใช้ที่ต้องการหาเพื่อนคุยเล่นสนุกๆ
ข้อเสียของ SOCIAL NETWORK
● เว็บไซต์ ให้บริการบางแห่งอาจจะเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวมากเกินไป หากผู้ใช้บริการไม่ระมัดระวังในการกรอกข้อมูล อาจถูกผู้ไม่หวังดีนำมาใช้ในทางเสียหาย หรือละเมิดสิทธิส่วนบุคคลได้
● SOCIAL NETWORK เป็นสังคมออนไลน์ที่กว้าง ย่อมมีบุคคลที่ไม่หวังดีแฝงตัวอยู่ ดังนั้นหากผู้ใช้รู้เท่าไม่ถึงการณ์หรือขาดวิจารณญาณ อาจโดนหลอกลวงผ่านอินเทอร์เน็ต หรือการนัดเจอกันเพื่อจุดประสงค์ร้าย ดังที่เป็นข่าวผ่านๆมา
● แม้ ว่า SOCIAL NETWORK SERVICE จะเป็นสื่อในการเผยแพร่ผลงาน รูปภาพต่างๆ ของเราให้บุคคลอื่นได้ดูและแสดงความคิดเห็น แต่ก็เป็นช่องทางในการถูกละเมิดลิขสิทธิ์ ขโมยผลงาน หรือถูกแอบอ้างด้วยเช่นกัน
● จะทำให้เสียเวลาถ้าผู้ใช้ใช้อย่างไร้ประโยชน์
ถึง แม้สังคมไทยเป็นสังคมที่เรียกกันว่า “สังคมแห่งยุคเทคโนโลยี” ซึ่งเราไม่สามารถปฏิเสธที่จะไม่เรียนรู้หรือรับรู้ได้ และเป็นสิ่งที่เราๆจะต้องปรับตัวให้ทันต่อโลกทันต่อเหตุการณ์อยู่ตลอดเวลา ดังนั้น สังคมออนไลน์ จึงเป็นช่องทางหนึ่งที่สำคัญในการเรียนรู้และแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในชีวิต ประจำวัน ซึ่งผู้ใช้ควรตระหนักและระมัดระวังในด้านต่างๆ เช่น ด้านการใช้ภาษาควรใช้ภาษาที่สุภาพไม่หยาบคาย หรือเสียดสีบุคคลอื่น รู้จักกาลเทศะในการใช้ภาษา และนอกจากนั้นผู้ใช้บริการต้องคำนึงในด้านคุณธรรม จริยธรรม เพราะถ้าผู้ใช้บริการขาดในเรื่องดังกล่าวนี้ถือเป็นการใช้บริการสังคมเครือ ข่ายในทางไม่สร้างสรรค์และเป็นการบ่อนทำลายสังคมออนไลน์

4.บล็อก (BLOG) คืออะไร
บล็อก (BLOG) คืออะไร
บล็อกมาจากการผสมคำ ระหว่าง WEB ( WOLRD WIDE WEB) +LOG (บันทึก) = BLOG คือ เว็บไซต์ที่เจ้าของ หรือ BLOGGER สามารถบันทึกเรื่องราวของตนเองลงในเว็บได้ตลอดเวลา การสร้างเว็บบล็อกสามารถทำได้ง่ายๆ ด้วยตัวเอง ไม่ซับซ้อน ไม่เสียสตางค์ ไม่จำเป็นต้องรู้ภาษา HTML อย่างน้อยขอให้มีความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับอินเทอร์เน็ตและเว็บไซต์
ภาย ในเว็บบล็อก จะมีระบบบริหารจัดการเว็บไซต์พื้นฐานให้แล้ว โดยการสร้างเครื่องมือสำหรับ เขียนเรื่อง โพสรูป จัดหมวดหมู่ และลูกเล่นอื่นๆ ที่ผู้จัดทำพยายามสร้างเพื่อดึงดูดผู้คนจากทั่วโลก ให้เข้าไปใช้บริการ เสน่ห์ของบล็อกอยู่ที่ผู้อ่านและผู้เขียนสามารถโต้ตอบกันได้ (INTERACTIVE) โดยการแสดงความคิดเห็นต่อท้ายที่เรื่องนั้นๆ
บางคนมองว่าการเขียน บล็อก ก็คือการเขียนไดอารี่ออนไลน์ แท้ที่จริง ไดอารี่ เป็นเพียงส่วนหนึ่งของบล็อกเท่านั้น คุณเปิดบล็อกขึ้นมาไม่ใช่เพื่อเขียนเรื่องราวในชีวิตประจำวันอย่างเดียว แต่สามารถใส่ความรู้ ประสบการณ์ เพื่อเป็นวิทยาทานให้คนอื่นๆ เช่น คุณหมอ เปิดบล็อกแนะนำเรื่องสุขภาพ เป็นต้น
บล็อก คือ สื่อใหม่ (NEW MEDIA) เป็นปรากฎการณ์ที่เปลี่ยนรูปแบบการสื่อสารในอดีตอย่างสิ้นเชิง คนเขียนบล็อก สามารถทำหน้าที่เป็นสื่อด้วยตัวเอง ไม่ต้องพึ่งสื่อสารมวลชน เขาสามารถสื่อสารกันเองในกลุ่มเล็กๆ หรือกลุ่มใหญ่ก็ได้ ถ้าเรื่องไหน เป็นที่ถูกใจ ของชาวบล็อก ชาวเน็ต คนๆ นั้น อาจจะดังได้เพียงชั่วข้ามคืน โดยไม่จำเป็นต้องอาศัยสื่อหลักช่วยเลย
ลักษณะของสื่อใหม่
กลุ่มผู้รับสารจะมีขนาดเล็ก
มีลักษณะเป็น INTERACTIVE
ผู้ส่งสาอาจไม่จำเป็นต้องสนใจเรื่องรายได้ มีแรงจูงใจด้านอื่น เช่น ความมีชื่อเสียง, ความชอบส่วนตัว
เป็นการสื่อสารแบบเปิด ผู้รับ ผู้ส่ง มีความเท่าเทียมกัน
เกิดความคิดสร้างสรรค์ใหม่ๆ หลากหลาย
5. ไมโครบล็อก ( MICROBLOG )
เป็นบล็อกที่มีการแสดงหัวข้อและความคิดเห็นที่กระชับ กะทัดรัด ผู้ใช้ที่
เป็นสมาชิกสามารถเลือกหัวข้อจากบล็อกอื่นให้มาปรากฏในไมโครบล็อก
ของตนเอง หรือตามสมาชิกอื่นได้
.jpg)
เป็น รูปแบบการเผยแพร่ข้อมูลที่บุคคลต่างๆ ซึ่งเป็นผู้มีความรู้ความชำนาญเพาะเรื่อง สามารถมีส่วนร่วมในการเป็นผู้ให้ข้อมูลใหม่ หรือเป็นผู้ปรับปรุงข้อมูลที่มีอยู่เดิมให้ถูกต้อง และสมบูรณ์ยิ่งขึ้น รายละเอียดของข้อมูลที่เผยแพร่ก่อให้เกิดประโยชน์กับบุคคลทั่วไป หรือกลุ่มบุคคลที่มีความเกี่ยวข้องกันในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง เช่น ผู้สอนและผู้เรียนสามารถใช้เป็นช่องทางในการสื่อสารข้อมูลที่เกี่ยวกับการ เรียนการสอน องค์กรธุรกิจสามารถใช้เป็นที่รวบรวมเอกสารที่เกี่ยวกับการดำเนินการสำหรับ ให้บุคคลในองค์กรใช้อ้างอิงในการปฏิบัติงาน ผู้ใช้สามารถเรียกดูประวิติการปรับปรุงข้อมูลย้อนหลังได้

7. อาร์เอสเอส ( REALLY SIMPLE SYNDICATION : RSS )
เป็นเป็นเทคโนโลยีที่ใช้สำหรับเผยแพร่ข้อมูลที่ถูกปรับปรุงให้ทันสมัยอยู่
เป็นประจำได้แบบอัตโนมัติ โดยผู้ใช้ต้องขอรับบริการ ( SUBSCRIBE ) ผู้ใช้ไม่
ต้องเข้าไปยังเว็บไซต์ที่สนใจต่างๆ โดยตรง เพื่ออ่านข้อมูลที่ได้รับการ
ปรับปรุงในแต่ละวันด้วยตนเองทีละเว็บไซต์ ซึ่งแต่วะเว็บไซต์อาจมีความถี่
ในการปรับปรุงข้อมูลที่แตกต่างกันไป

8. พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์
( ELECTRONIC COMMERCE หรือ E-COMMERCE )
เป็นการทำธุรกรรมชื้อขาย หรือแลกเปลี่ยนสินค้าและบริการบน
อินเทอร์เน็ต โดยใช้เว็บไซต์เป็นสื่อในการนำเสนอสินค้าและบริการต่างๆ
รวมถึงการติดต่อกันระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย ทำให้ผู้เข้าใช้บริการจากทุกที่ทุก
ประเทศ หรือทุกมุมโลกสามารถเข้าถึงร้านค้าได้ง่ายและ ตลอด 24 ชั่วโมง

ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น